ท่อ PPR คืออะไร?

ท่อ PPR (Polypropylene Random Copolymer) คือท่อประปาชนิดหนึ่ง ที่ผลิตจากพลาสติกวิศวกรรมจากโพลีโพรพิลีนแบบ Random Copolymer โดยถูกออกแบบมา เพื่อรองรับการใช้งานทั้งระบบน้ำร้อนและน้ำเย็น โดยมีความทนทานต่อแรงดัน ความร้อนสูง รวมถึงการกัดกร่อนจากสารเคมี หรือน้ำประปา จึงเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในงานระบบอาคารและงานติดตั้งแบบมืออาชีพ
คุณสมบัติเด่นของท่อ PPR
- รองรับน้ำร้อนได้สูงถึงประมาณ 95 °C และทนแรงดันได้ดี
- อายุการใช้งานยาวนาน (อาจสูงถึง 50 ปี เมื่อใช้งานตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม)
- ไม่เกิดสนิม และทนต่อสารเคมีหรือการกัดกร่อน
- ปลอดภัยต่อระบบน้ำดื่ม ไม่เกิดสารปนเปื้อน
- น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ลดระยะเวลาและค่าแรง
- มีความเหนียวและยืดหยุ่น สามารถทนแรงกระแทกได้ดี
ท่อ PPR เหมาะกับงานประเภทใด?

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ท่อ PPR จึงถูกเลือกใช้ในงานระบบน้ำของบ้านพักอาศัย โรงแรม อาคารสูง โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงงานที่ต้องการความมั่นใจด้านสุขอนามัยและความทนทานระยะยาว เช่น
- ระบบประปาภายในอาคารพักอาศัย (บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโด)
- งานระบบน้ำร้อน–น้ำเย็นในโรงแรม รีสอร์ท และสปา
- อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล หรือสถานศึกษา ที่ต้องการมาตรฐานน้ำดื่มปลอดภัย
- โรงงานอุตสาหกรรม ที่มีการลำเลียงของเหลวหรือสารเคมีที่ไม่กัดกร่อน
- ระบบท่อน้ำในพื้นที่ที่ต้องการอายุการใช้งานยาว และบำรุงรักษาน้อย
อ่านบทความที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ เจาะลึกท่อประปามีกี่ชนิด? เลือกให้ถูก คุ้มราคา และได้มาตรฐาน
ประเภทและขนาดของท่อ PPR
ท่อ PPR แบบต่างๆ มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับความหนาและการใช้งาน เพื่อให้เลือกใช้งานได้เหมาะสมกับระบบน้ำแต่ละแบบ ดังนี้
1. ท่อ PPR แบบบาง (Light / PN10-PN12.5)
ท่อ PPR แบบบางมีผนังท่อบางและน้ำหนักเบา จึงสะดวกต่อการขนย้ายและติดตั้ง ขนาดท่อที่นิยมใช้คือ 20, 25, 32 และ 40 มิลลิเมตร เหมาะกับระบบน้ำเย็นทั่วไปภายในบ้านและงานประปาที่แรงดันน้ำต่ำ
2. ท่อ PPR แบบมาตรฐาน (Standard / PN16)
ท่อมาตรฐานมีความหนาปานกลาง สามารถรองรับแรงดันน้ำได้ดี ขนาดท่อที่นิยมใช้มีตั้งแต่ 20 ถึง 63 มิลลิเมตร เหมาะกับการใช้งานระบบน้ำร้อนและน้ำเย็นทั่วไปในบ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน หรือโครงการขนาดกลาง
3. ท่อ PPR แบบหนา (Heavy / PN20-PN25)
ท่อ PPR แบบหนามีผนังหนาและทนแรงดันสูง ขนาดท่อที่นิยมมีตั้งแต่ 20 มิลลิเมตร จนถึง 110 มิลลิเมตร เหมาะกับงานระบบน้ำร้อนแรงดันสูง โรงแรม อาคารพาณิชย์ และงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานสูง
การเลือกประเภทท่อ PPR ควรพิจารณาจากแรงดันน้ำ อุณหภูมิ และลักษณะการใช้งานจริง เพื่อให้ท่อทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานยาวนาน
ตารางเปรียบเทียบ ประเภทท่อ PPR พร้อมแนะนำขนาดที่นิยม
แรงดัน และความเหมาะสมในการใช้งาน
| ประเภทท่อ PPR | ขนาดที่นิยม | แรงดัน/อุณหภูมิ | เหมาะกับงาน |
| แบบบาง (Light) | 20–40 มม. | PN10-PN12.5, น้ำร้อน<70°C | บ้านพักอาศัย, งานน้ำเย็นทั่วไป |
| แบบมาตรฐาน (Standard) | 20–63 มม. | PN16, น้ำร้อน 95°C | บ้าน-อาคารพาณิชย์, ระบบน้ำร้อน/น้ำเย็นทั่วไป |
| แบบหนา (Heavy) | 20–110 มม. | PN20-PN25, น้ำร้อนสูง 95°C | โรงแรม, อาคารพาณิชย์ใหญ่, ระบบแรงดันสูง |
สำหรับใครที่มองหาท่อประปา ท่อ PPR อุปกรณ์ประปา คุณภาพ ราคาประหยัด “ตงการช่างซัพพลาย” มีให้เลือกสินค้าหลากหลายแบบ รับประกันคุณภาพ และการบริการจากทีมงานมืออาชีพ ที่ไว้วางใจได้

จุดเด่นและข้อดีของท่อ PPR
ข้อดีและจุดเด่นของท่อ PPR มีหลายด้าน ทำให้ท่อชนิดนี้ได้รับความนิยมสูง ได้แก่
- ทนความร้อนสูง สามารถใช้งานน้ำร้อนและน้ำอุ่นได้โดยไม่เสียรูป
- น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ลดแรงงานและเวลาในการติดตั้ง ใช้อุปกรณ์ต่อท่อแบบลวดร้อน (Heat Fusion) หรือข้อต่อแบบเกลียวได้
- ไม่เกิดสนิมต่างจากท่อเหล็ก ท่อ PPR ไม่มีปัญหาสนิมภายในท่อ น้ำสะอาดไม่ปนเปื้อน
- ยืดหยุ่นและทนแรงดัน สามารถทนแรงดันน้ำสูงและแรงกระแทกได้ดี
- ทนสารเคมี เหมาะกับน้ำดื่ม น้ำใช้ น้ำร้อน หรือของเหลวบางชนิด
- ลดการรั่วซึม การต่อข้อต่อท่อ PPR ด้วยการหลอมร้อน (Heat Fusion) ทำให้รอยต่อแน่น ลดโอกาสน้ำรั่วได้
หมายเหตุ: ควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากช่างมืออาชีพ สำหรับใครที่ต้องการใช้ในงานระบบน้ำร้อน น้ำเย็นที่ปลอดภัย เพื่อการใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่า ยิ่งขึ้น
วิธีต่อท่อ PPR แบบช่างมืออาชีพ
การต่อท่อ PPR มีเทคนิคเฉพาะ เพื่อให้รอยต่อแน่น ปลอดภัย และใช้งานได้นาน โดยวิธีการ มีดังนี้
1. เตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสม
- เครื่องเชื่อมท่อ PPR แบบลวดร้อน (Heat Fusion Machine)
- ข้อต่อ PPR , ท่อ PPR ตัดตามขนาด
- แปรงหรือผ้าสะอาดเช็ดปลายท่อ
2. การต่อท่อ PPR แบบหลอมร้อน
- เปิดเครื่องให้ร้อนถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม (~260°C)
- ใส่ปลายท่อและข้อต่อเข้าเครื่องร้อนสั้น ๆ จนผิวท่อเริ่มนิ่ม
- ประกอบเข้าด้วยกันโดยหมุนเล็กน้อยค้างไว้ 5–10 วินาที
- ปล่อยให้เย็นตัวตามธรรมชาติ รอยต่อจะแน่นสนิท
ข้อควรระวังในการต่อท่อ PPR
- ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ สำหรับงานที่ต้องใช้การตัดท่อให้ตรงและสะอาด
- ควรตรวจสอบอุณหภูมิเครื่องเชื่อมให้เหมาะสม
- ไม่ควรทำการบังคับท่อขณะรอยต่อเย็นตัว
- ระวังน้ำหนักและแรงกระแทกหลังติดตั้ง
การเลือกท่อ PPR ให้เหมาะสมกับงาน
การเลือกท่อ PPR ควรพิจารณาตามประเภทงาน ระบบน้ำที่ใช้งาน (น้ำร้อนหรือน้ำเย็น) รวมถึงระดับแรงดันที่ต้องรองรับ โดยสามารถเลือกได้ตามแนวทาง ดังนี้
- บ้านพักอาศัย
เหมาะกับท่อ PPR รุ่นมาตรฐานหรือแบบบาง ขนาดประมาณ 20–32 มม. ใช้ได้ทั้ง ระบบน้ำเย็นและน้ำร้อนแรงดันต่ำถึงปานกลาง เช่น ห้องน้ำภายในบ้าน เครื่องทำน้ำอุ่น หรือระบบน้ำประปาทั่วไป - อาคารพาณิชย์ / โรงแรม / รีสอร์ท
ควรใช้ท่อ PPR แบบมาตรฐานหรือแบบหนา ขนาด 40–110 มม. เพื่อรองรับ น้ำร้อนแรงดันสูง การใช้งานต่อเนื่อง และการจ่ายน้ำหลายจุดพร้อมกัน - งานโรงงานอุตสาหกรรม
เลือกใช้ท่อ PPR ชนิดหนา (PN สูง) เพื่อรองรับอุณหภูมิและแรงดันน้ำสูง รวมถึงของไหลที่มีสารเคมีอ่อน ๆ พร้อมตรวจสอบมาตรฐาน เช่น DIN 8077/8078 หรือ ISO

หมดกังวลเรื่องรั่วซึม! ท่อ PPR จากตงการช่างซัพพลาย แข็งแรง ใช้งานได้ยาวนาน
สรุปท่อ PPR คือท่อประปาที่ผลิตจากพลาสติกโพลีโพรพิลีนชนิดพิเศษ ที่สามารถทนความร้อนและแรงดันสูงได้ดี จึงเหมาะสำหรับระบบน้ำร้อน–น้ำเย็นในอาคารและงานติดตั้งมืออาชีพ เพื่อความมั่นใจในระบบประปา เลือกใช้ท่อ PPR คุณภาพสูงจากตงการช่างซัพพลายเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ประปามากกว่า 40 ปี มีประสบการณ์ในการจัดจำหน่ายท่อและอุปกรณ์ครบวงจร พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำสินค้าที่เหมาะสมกับทั้งบ้านและงานมืออาชีพ
นอกจากนี้ เรายังมีสินค้าอื่น ๆ เช่น ท่อ PVC , ท่อแหวนยาง และข้อต่อท่อทุกชนิด ให้เลือกครบวงจร ด้วยสินค้าคุณภาพสูง ราคายุติธรรม และบริการรวดเร็ว มั่นใจได้ทุกการใช้
สนใจสั่งซื้อสินค้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเรา
Add Line : @tongsupply
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ : 074-243-888
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับท่อ PPR
สำหรับใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับ “ท่อ PPR” เรารวบรวมทุกคำตอบมาให้แล้วที่นี่
Q: ท่อ PPR ใช้กับน้ำร้อนได้กี่องศา?
A: ท่อ PPR สามารถทนอุณหภูมิความร้อนได้ถึง 95°C ทั้งนี้ควรเลือกซื้อท่อพีพีอาร์ที่ได้มาตรฐานและหนาที่เหมาะสม
Q: ท่อ PPR กับ PVC ต่างกันอย่างไร?
A: ท่อ PPR สามารถทนแรงดันและความร้อนสูงกว่า ใช้กับน้ำร้อนได้ แต่ท่อ PVC คือท่อประปาที่เหมาะสำหรับงานระบบน้ำภายในบ้าน (น้ำเย็นแรงดันต่ำ)
Q: วิธีต่อท่อ PPR ยากไหม?
A: ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานนั้นๆ โดยหากใช้เครื่องเชื่อมลวดร้อน (Heat Fusion) และปฏิบัติตามขั้นตอน จะง่ายกว่าและรอยต่อจะมีความแข็งแรง
